เคล็ดลับการออกแบบแสงไฟในร้านซาลอนแบบง่ายๆ
ทุกวันนี้หลอดไฟที่เราใช้งานในร้านซาลอนนั้นมีมากมายหลากหลายแบบในต่างประเทศโดยเฉพาะในญี่ปุ่น เกาหลีใต้และในยุโรป ร้านซาลอนและบาร์เบอร์จะให้ความสำคัญอย่างมากกับแสงไฟที่ใช้ในร้านเนื่องจากมีผลต่ออารมณ์ความรู้สึก รวมไปถึงคุณภาพของการบริการด้วย วันนี้เสรีชัยบิวตี้ รวบรวมเทคนิกการออกแบบแสงที่ใช้ในร้านเพื่อการตกแต่งและเพื่อการทำงานของช่าง เพื่อให้ได้แสงสว่างที่พอดีกับการทำงานและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า วันนี้เสรีชัยบิวตี้มีเคล็ดลับง่ายๆ ที่คุณ๊สามารถเปลี่ยนหลอดไฟในร้านเพื่อเพิ่มมูลค่าของร้านและการบริการที่ดีขึ้นแบบง่ายๆ
ก่อนอื่นมารู้จักชนิดของแสงกันสักนิด
แสงที่ใช้ในร้านส่วนมากเราจะใช้เพื่อจุดประสงค์หลักๆ อยู่สามสี่ข้อ นั่นคือเพื่อให้ความสวยงาม เพื่อการทำงาน เพื่อเน้นสินค้าให้เด่นขึ้นและการทำงานเฉพาะทางเช่นการทำเล็บหรือแต่งหน้า ฉะนั้นคุณต้องเลือกหลอดไฟให้ถูกกับประเภทของการใช้งาน เช่นว่าหากว่าคุณเป็นร้านทำเล็บ การให้แสงสว่างเฉพาะจุดก็อาจต้องสว่างมากขึ้นเพื่อให้ช่างทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือหากคุณเป็นร้านซาลอนที่ชำนาญเรื่องการทำสีผม แสงที่ให้ก็ควรมีสีและความสว่างใกล้เคียงกับแสงธรรมชาติเพื่อลดการผิดเพี้ยนชองสี
แล้วเราจะวัดวัดความสว่างของแสงในร้านเราอย่างไร
ก่อนอื่นการวัดค่าความสว่างของแสง ซึ่งมีหลายหน่วยที่เข้ามาเกี่ยวข้องอย่าง วัตต์(Watt) เคลวิน(Kelvin) และลักซ์(Lux) ซึ่งแตกต่างกัน แต่ไม่ยากที่จะทำความเข้าใจ
วัตต์(Watt)
คือกำลังไฟฟ้า และอัตรการกินไฟของเครื่องใช้ไฟฟ้านั้นๆ สังเกตุง่ายๆ ว่า ถ้าจำนวนวัตต์สูง แปลว่าโคมไฟนั้นจะกินไฟมากและหมายถึงค่าไฟที่เราต้องจ่ายมากขึ้น
เคลวิน(Kelvin)
หลอดไฟแต่ละยี่ห้อจะเรียกสีของแสงแตกต่างกันไปอุณหภูมิแสงที่ปรากฎ ตัวเลขอยู่บนกล่องจะบอกเราได้ดีที่สุดว่าหลอดไฟหลอดนี้ให้สีอะไร ปกติหลอดไฟที่นิยมใช้กับการตกแต่งจะเป็นดังนี้ค่ะ
อุณหภูมิแสง 2700K และ 3000K เราเรียกว่า" สีวอร์มไวท์ (Warm White)" สีของแสงจะออกไปโทนส้มเหลือง ให้ความรู้สึกอบอุ่นโดยอุณหภูมิแสง 2700K จะให้แสงสีเหลืองมากกว่า 3000K
อุณหภูมิแสง 4000K เรียกว่า "สีคูลไวท์ (Cool White)" สีของแสงจะออกไปทางสีเหลืองค่อนข้างขาว
อุณหภูมิแสง 6500K เรียกว่า "สีเดย์ไลท์ (Daylight)" สีของแสงจะออกไปทางสีขาวอมฟ้าส่วนใหญ่มักจะใช้สำหรับการทำงานที่ต้องการความสว่าง เชานแสงสว่างในร้านหรือโคมเหนือศรีษะสำหรับการตัดผม
เปรียบเทียบง่ายๆ อย่างแสงเทียนจะมีอุณหภูมิแสง 1,900K ส่วน แสงในช่วงกลางวันอยู่ที่ 4,800K หรือแสงไฟฮาโลเจน 100 วัตต์ให้อุณหภูมิแสงประมาณ 3,000K เป็นต้น หลอดไฟที่เหมาะกับร้านเสริมสวยโดยรวมของร้านควรอยู่ที่ 4000K-6000K(ดูได้จากชาร์ตที่แนบมานะคะ)
ลักซ์ (Lux)
คือปริมาณแสงที่กระทบลงบนวัตถุต่อพื้นที่มีหน่วยเป็น "ลูเมนต่อตารางเมตร" หรือลักซ์ สำหรับค่าความสว่าง ปกติเราจะใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า"ลักซ์มิเตอร์" เป็นเครื่องมือวัดค่าความสว่างของโคมไฟนั้น ตัวอย่างเช่น หากเราใช้ลักซ์มิเตอร์วัดความสว่างถนนโดยวัดจากจุดกึ่งกลางของโคมไฟถนนจนถึงระนาบพื้นถนน สมมติว่าได้ค่าความสว่างเท่ากับ 40 ลักซ์ ซึ่งค่าความสว่างที่ได้นี้มักนำไปเปรียบเทียบกับมาตรฐานความสว่างที่กำหนดโดยหน่วยงานต่าง ๆ ว่า มีความสว่างเหมาะสมกับพื้นที่และกิจกรรมในพื้นที่เหล่านั้นหรือไม่ หากได้ค่าไฟที่ต่ำว่ามาตรฐาน วิธีแก้ไขคือ การเพิ่มกำลังของหลอดไฟให้สูงขึ้นหรือเพิ่มจำนวนโคมไฟให้มีความถี่มากขึ้น
วิธีการออกแบบแสงในร้าน
1. หากคุณเป็นร้านทีมีขนาดค่อนข้างใหญ่ มีโซนต้อนรับ โซนสำหรับแขกนั่งรอ โซนนี้ถือเป็นหน้าด่านที่เราต้องเจอกับลูกค้า ความสว่างในส่วนนี้ควรอยู่ที่ราว 200-400 ลักซ์
2. โซนสำหรับนั่งรอ โซนนี้ควรเป้นโซนที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น เป็นกันเอง หากต้องการเพิ่มความรู้สึกแบบนี้ใช้ไฟออกเหลือง โซนนี้อาจเป็นโซนที่คุณโชว์สินค้าที่คุณวางจำหน่าย คุณอาจใช้ไฟเฉพาะจุดเพื่อความโดดเด่นของตู้สินค้าได้เช่นกัน
3. หากคุณมีโซนทำเล็บ แน่นอนว่าโซนทำเล็บทั่วไปต้องใช้แสงสว่างมากกว่าปกติ เพราะเป็นงานที่ต้องอาศัยความละเอียดในจุดเล็กๆ ฉะนั้นคุณอาจต้องใช้โคมไฟเฉพาะจุด แต่ก็ไม่ควรส่างจนเกินไป เพราะอาจมีผลกระทบต่อสายตาของช่างได้ความสว่างที่เหมาะสมของห้องควรจะอยู่ที่ประมาณ 400 ลักซ์และความสว่างเฉพาะจุดในการทำงานอยู่ที่ประมาณ 700 ลักซ์ และควรเลือกหลอดแบบ LED ที่ไม่สะสมความร้อนจะเหมาะสมที่สุด
4. สำหรับเก้าอี้ทำผม ควรใช้โคมเฉพาะจุดที่ส่องลงมาที่ลูกค้า ควรให้ความสว่างใกล้เคียงกับแสงธรรมชาติ หลอดที่ใช้ควรเป็นแสงเดย์ไลท์ หรือแสงออกสีฟ้า ไม่ใช่สีเหลือง เพื่อกันการเพี้ยนของสี สำหรับไฟแต่งหน้าปัจจุบันมีหลอด LED ที่ให้แสดงสีกลางหระหว่าง สีเหลืองและฟ้าเรียกว่าแสงคูลไวท์ซึ่งใกล้เคียงกับผิวของคนเอเชียคุณสามารถเลืกใช้หลอดไฟ LED แบบเปลี่ยนสีได้
อ่านบทความอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ https://www.sereechaibeauty.com/blog